ความลับแห่งป่าอเมซอนกับผลไม้ตระกูล เบอรี่ ชื่อ "อาไซอิ" ACAIเมือไม่นานมานี้ วิทยาศาสตร์ด้านโภชนาการ ได้ตื่นเต้นกับการค้นพบคุณค่าอันมหาศาลจากผลไม้ลูกเล็กๆซึ่งน้อยคนบนโลกจะรู้จัก “อาไซอิ” คือความลับแห่งสุขภาพที่กำลังจะถูกเปิดเผย ทั้งที่แท้จริงแล้ว ผู้คนในแถบอเมริกาใต้ ได้ค้นพบและใช้ผลไม้เล็กๆนี้ บำบัดรักษาสุขภาพและเพิ่มความแข็งแรง มาหลายร้อยปี มีเรื่องเล่าว่า ก่อนออกสงคราม นักรบชาวอะเมเนียนโบราณ จะใช้ผลอาไซอิ เป็นยาเพิ่มพละกำลัง และ ยังได้รับการยกย่อง ให้เป็นผลไม้ศักด์สิทธิ์ โดยเชื่อว่าหากได้รับประทาน อาไซอิ ก่อนออกรบจะช่วยให้ได้รับชัยชนะจากสงครามนั่นเลยทีเดียว
มาทำความรู้จัก "อาไซอิ" กันดีกว่า
อาไซอิ เป็นพืชที่จัดอยู่ในตระกูลของปาล์ม พบได้ในแถบอเมริกาใต้ อย่าง เบลีซ บราซิล และเปรู จัดเป็นพืชเขตร้อน ในวงศ์ Euterpe คล้ายคลึงกับ อินทผลัม ผลอาไซอิ มีสีม่วงเข้มถึงดำเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ1นิ้ว คล้ายผลองุ่นดำ 1 ต้นสามารถออกผลได้เพียง 300 –700ลูก ต่อปี ปัจจุบันอาไซอิถือเป็นพืชที่มีความสำคัญอย่างมากของประเทศบราซิล แต่เดิมมีการนำใบมาใช้ทำเครืองจักสาน และ นำผลมาใช้รับประทานทั้งในรูปแบบของอาหารของหวาน และ เครื่องดื่ม โดยนิยมดื่มคู่กับกัวราน่า รวมถึงการนำมาใช้ในเชิงของสมุนไพร นิยมใช้ เพื่อฟื้นฟู และ สร้างความแข็งแรงให้กับสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของเมล็ด ที่ชาวบราซิลเชือว่าเป็นส่วนที่มีสรรพคุณ ในการบำบัด รักษาสุขภาพได้อย่างดีเยียม จนเมื่อภายหลัง ได้มีการวิจัยอย่างจริงจัง เกี่ยวกับคุณค่าด้านโภชนาการของอาไซอิ และพบว่า เป็นผลไม้ที่มีคุณค่าต่อร่างกายอย่างมหาศาล และมีสารอาหารพิเศษ ที่พบได้ในผลไม้เพียงไม่กีชนิดบนโลก ซึ่งมีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระ และ ความชราได้สูงสุดเมื่อเปรียบเทียบกับพืชชนิดอื่นๆ รวมถึงมีคุณประโยชน์ ในด้านการลดระดับโคเลสเตอรอล และ ไตรกลีเซอไรด์ ในเลือดได้อย่างดี นอกจากนัน ยังมีการเปรียบเทียบ หาความแตกต่างด้านคุณค่าทางโภชนาการ ของอาไซอิแต่ละสายพันธุ์ ในพืนที่เพาะปลูกที่แตกต่างกัน ซึ่งพบว่าสายพันธุ์บราซิเลียน ที่พบในเขตของป่าอะเมซอนนั้น มีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระ มีคุณค่าทางโภชนาการ ที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อเทียบกับอาไซอิ สายพันธ์ุอื่นๆ ทำให้ปัจจุบัน อาไซอิจากป่าอะเมซอนเป็นพืชเศรษฐกิจทีสำคัญทีสุดชนิดหนึงของประเทศบราซิล
คุณประโยชน์ต่อสุขภาพ
อาไซอิ เปียมไปด้วยสาร “แอนโทไซยานินส์” (anthocyanins) ซึ่งพบได้ในผลไม้เพียงไม่กีชนิด โดยมีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระในระดับสูงสุด หรือ Super Anti-oxidants มีประสิทธิภาพสูงในการต้านความเสื่อมของร่างกายและความชรา ยับยั้ง และต่อสู้กับเนื้องอก และเซลล์มะเร็ง เพิ่มความแข็งแรงขับสารพิษได้ในระดับเซลล์ ต่อต้านเชื้อ แบคทีเรีย และไวรัส นอกจากนัน อาไซอิ ยังป็นผลไม้ไม่กี่ชนิดที่มี ไฟโตเสตอรอล (Phytosterols) ในปริมาณสูงซึ่งสามารถลดไขมันโคเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL) และ ไตรกลีเซอไรด์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมล็ดเปี่ยมไปด้วย ไฟโตนูเทรียนและกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย และที่น่าทึ่งคือ อาไซอิ มีโปรตีนแบบเดียวกันกับในไข่แดง รวมถึงคาร์โบไฮเดรต วิตามินเอ วิตามินซี และกรดอะมิโนหลายชนิด ที่ร่างกายต้องการอยู่อย่างครบถ้วน รวมถึงแคลเซียม ธาตุเหล็ก สารไบโอฟลาวานอยด์ สารเบต้าแคโรทีน และมีเส้นใยอาหารในปริมาณสูง ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่มากมาย ทำให้อาไซอิกำลังเป็นผลไม้ทีได้รับความสนใจไปทัวโลก
โมนาวี ผู้นำ "อาไซอิ" สู่ผู้คนทั่วโลก
เรืองราวการใช้อาไซอิเบอร์รี ในการบำบัดรักษาสุขภาพมายาวนาวของชาวอเมริกาใต้ในแถบป่าอะเมซอน ทำให้ Dallin Larson ประธานและผู้ก่อตั้ง โมนาวี เกิดความสนใจและตื่นเต้นกับเรื่องราวของผลไม้มหัศจรรย์ชนิดนี้ จึงเกิดเป็นการเริ่มงานวิจัยอย่างจริงจังโดย Dallin พร้อมกับนักวิทยาศาสตร์ด้านโภชนาการที่มีชื่อเสียง เป้าหมายคือการค้นหากรรมวิธีการสกัดผลอาไซอิ ที่จะยังคงกักเก็บคุณประโยชน์ในปริมาณมากที่สุดและคงไว้ซึ่งคุณค่าทางโภชนาการให้ได้มากที่สุด เพื่อการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ซึงเปี่ยม ไปด้วยคุณค่าจากผล อาไซอิ ไปสู่ผู้คนทั่วโลก
หลังการวิจัยที่ ยาวนาน ทีมนักวิจัยโมนาวี ได้พบว่า อาไซอิแต่ละสายพันธุ์นั้น มีปริมาณสารแอนโทนไซยานินส์ ไฟโตเสตอรอล และสารต้านอนุมูลอิสระ ในปริมาณที่แต่ต่างกัน ซึ่ง สารอาหารทั้ง 3ชนิดนี้ เป็นคุณสมบัติหลักที่โดดเด่นของอาไซอิ โดยอาไซอิสายพันธุ์ที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภนาการมากที่สุดคือ อาไซอิสายพันธุ์บราซิเลียน นั่นทำให้โมนาวีตัดสินใจ ที่จะเลือกใช้ผลอาไซอิสายพันธ์ุบราซิเลียน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ การเลือกเก็บวัตถุดิบทั้งหมดจากป่าอะเมซอนเท่านั้น เพราะคุณสมบัติของความเป็นธรรมชาติแบบออแกนิค สภาพดิน อากาศ และระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์ ซึงทำให้ได้ผลอาไซอิซึ่งมีคุณภาพที่สุดในโลก และได้ความเป็นสายพันธุ์แท้แบบดั้งเดิม ซึงดีกว่าการเลือกใช้วัตถุดิบที่ได้จากสวนเพาะปลูกทั่วไป
โมนาวีได้คิดค้นเทคนิคเฉพาะที่ถือว่าเป็นกรรมวิธีทีดีที่สุดในการดึงเอาคุณค่าจาก ผล เนื้อเยื่อ และเมล็ด ของอาไซอิออกมา โดยการฟรีซแอนด์ดราย ซึงโมนาวีได้ทำการจดสิทธิบัตรกรรมวิธีการสกัดอาไซอิเบอร์รี่เป็นเอกสิทธิ เฉพาะของโมนาวี ทำให้ปัจจุบันผลิตภัณฑ์โมนาวี ทั้งน้ำผลไม้และในรูปแบบเจล เป็นแบรนด์ชั้นนำที่ได้สร้างสุขภาพที่ดีไปสู่ผู้คนทั่วโลก หัวใจสำคัญ ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ของโมนาวี คือการเลือกสรรวัตถุดิบ การเก็บเกี่ยว การควบคุมการผลิต และการวิจัยโมนาวี ได้เลือกผลอาไซอิจากป่าอะเมซอนของประเทศบราซิลในการผลิต ซึ่งเป็นออแกนิคคือมีความเป็นธรรมชาติ 100% โดยปราศจากการใช้สารเคมีใดๆ และได้มาซึ่งสายพันธุ์แท้ ดั้งเดิม อันเปี่ยมไปด้วยคุณค่ามากที่สุด ทั้งนี้ โมนาวีเลือกเก็บเฉพาะผลอาไซอิ ทีมีอายุที่พอเหมาะที่สุด และมีกรรมวิธีการเก็บเกียวที่ถูกต้องอย่างถนุถนอมจากต้นอาไซอิทุกต้น โดยชาวพื้นเมือง จะพายเรือเข้าไปในป่า เพื่อเก็บผลจากต้น และจะต้องรีบนำกลับมาคัดแยกเพราะคุณค่าของอาไซอิเบอร์รี จะยังคงคุณค่าหลังจากเก็บจากต้นได้ไม่เกิน24ชั่วโมง ดังนั้น จึงต้องรีบเข้าสู่กระบวนการเก็บรักษาอันเป็นเทคนิคเฉพาะของโมนาวี ก่อนส่งเข้าสู่โรงงานผลิต ที่ได้รับมาตรฐานสูงสุด ภายใต้การควบคุมการผลิตของโมนาวี ซึ่งใช้กระบวนการสกัดอาไซอิที่ได้รับการจดสิทธิบัตรของโมนาวี ซึ่งใช้วิธีการสกัดเย็นแบบแข็งและป่นผง ทั้งลูกหรือโฮลฟรุ๊ต และเพิ่มคุณค่าด้วยน้ำ ซึ่งสกัดแบบเข้มข้น โดยไม่มีการผสมน้ำ สารปรุงแต่งสี กลิ่น และรสชาติ นอกจากนั้น วัตถุดิบทุกชนิดรวมถึงผลไม้อื่นๆ ที่ส่งตรงมาจากแหล่งเพาะปลูกที่ดีที่สุดจากทั่วโลกกว่า 18 ชนิด ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผลไม้ทีมีชือเสียงด้านโภชนาการระดับโลกซึ่งผ่านกระบวนการคัดแยก และกระบวนการสกัด ที่เป็นมาตรฐานอันเข้มงวดสูงสุดของโมนาวี เพื่อคงไว้ซึ่งคุณค่าสูงสุด
รวมถึงสิ่งที่โมนาวีตระหนักคือสูตรที่ทำให้ได้รสชาติที่ดีเยี่ยม อันมาจากธรรมชาติแท้ๆโดยไม่ผ่านการปรุงแต่ง ทั้งนี้ในด้านงานวิจัยโมนาวี มีนักวิทยาศาสตร์ ทีมแพทย์ นักโภชนาการ และเภสัชกรทำการวิจัย พัฒนา และควบคุมทุกขั้นตอนการผลิต จึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับสิงที่ดีที่สุดส่งตรงจากธรรมชาติถึงมือคุณทุกขวด!
